.jpg)

Lucas’ Papaw Ointment ขนาด 25 G
ผู้ให้กำเนิดขี้ ผึ้งมะละกอหมักคือ ดร.โทมัส เพนนิงตัน ลูคัส คุณหมอชาวอังกฤษที่หนีความหนาวเย็นจากบ้านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2419 มาอยู่เมลเบิร์น
รัฐวิกตอเรีย ออสเตรเลีย ก่อนย้ายไปตั้งรกรากเป็นการถาวรที่เมืองบริสเบน รัฐควีนแลนด์ ที่นี่เองที่เป็นจุดกำเนิดของ Lucas’ Papaw Ointment โดย
ดร.ลูคัสเริ่มสนใจด้านพฤกษศาสตร์ และศึกษาพืชพรรณไม้นับพันๆ ชนิดเพื่อทดลองหาสูตรการรักษาโรคจากตัวยาธรรมชาติ และพืชชนิดหนึ่งที่
ดร.ลูคัสให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ “มะละกอ” นำไปสู่การศึกษาอย่างจริงจังจนค้นพบว่าสารบางอย่างในมะละกอมีคุณสมบัติในการ รักษาโรค
ดร.ลูคัสจึงได้พัฒนาสูตรยาที่มีส่วนผสมของมะละกอเพื่อนำมาบำบัดอาการต่างๆ แต่สูตรที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดคือขี้ผึ้งมะละกอหมัก กระทั่งมีการผลิตออกขายเมื่อปี พ.ศ. 2453
หลังการเสียชีวิตของ ดร.ลูคัส เขาได้ทิ้งมรดกชิ้นสำคัญคือสูตรการผลิตขี้ผึ้งมะละกอหมักที่ตกทอดมายังลูก หลานรุ่นแล้วรุ่นเล่าหลายชั่วอายุคน
จากในอดีตที่เคยผลิตขี้ผึ้ง Handmade แบบกวนเองกับมือข้างไร่มะละกอ ปัจจุบันได้ย้ายมายังโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับ 5 ดาวในรัฐควีนแลนด์ โดยมี
เควิน ทัลบอท ทายาทรุ่นปัจจุบันวัย 77 ปี ผู้บริหารธุรกิจขี้ผึ้งมะละกอหมักยี่ห้อลูคัส ซึ่งกล่าวว่าสองสิ่งที่ยังคงเดิมคือสูตรการผลิตเหมือนเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
และกระปุกหรือหลอดสีแดงที่บรรจุขี้ผึ้งซึ่งกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของขี้ ผึ้งชนิดนี้ไปแล้ว
ขี้ผึ้งมะละกอหมัก ลูคัสได้รับความนิยมสุดขีดเมื่อวงการ Makeup Artist หรือช่างแต่งหน้านำมาใช้แทนลิปมันจนเกิดการเลียนแบบในกลุ่มผู้บริโภค
หลังจากนั้นยอดขายก็พุ่งทะลุทะลวง ทัลบอทเล่าว่าร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตต้องตุนสินค้าเพื่อไม่ให้หมดจาก ชั้น
ขณะที่ผู้ผลิตเองก็ยุติการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพราะผลิตไม่ทันความต้องการ ของตลาด เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีการผลิตขี้ผึ้งมะละกอหมักลูคัสขนาด 25 กรัมแค่ปีละ
100,000 หลอด ปัจจุบันตัวเลขขยับมาอยู่ที่ 4 ล้านหลอดต่อปี และมีการเพิ่มขนาดเป็นกระปุก 75 กรัม และ 250 กรัม แต่ที่ขายดีที่สุดยังเป็นขนาด 25 กรัม
โดยคิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมด
จากที่เคยผูกขาดอยู่เจ้าเดียว ช่วงหลังจะเห็นว่าการแข่งขันในตลาดเริ่มสูงขึ้น ครีมมะละกอหมักยี่ห้อใหม่ๆ ทยอยเปิดตัวเป็นทางเลือกของผู้บริโภค
โดยหลายยี่ห้อชูจุดขายตรงที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติและปราศจาก “ปิโตรเคมี” ที่อาจก่อมะเร็ง แต่นั่นก็ไม่ได้กระทบต่อยอดขายขี้ผึ้งมะละกอหมักลูคัสแต่อย่างใด
ปัจจัยที่ทำให้ขี้ผึ้งมะละกอหมักแบรนด์นี้อยู่ยงคงกระพันน่าจะมาจาก
Brand Story : การถ่ายทอดประวัติความเป็นมาของแบรนด์อันเก่าแก่กว่า 100 ปีที่ผู้ประกอบการน้อยรายนักจะสามารถสั่งสมเรื่องราวจนกลายเป็นตำนานขนาดนี้
การเล่าเรื่องแบรนด์ของขี้ผึ้งมะละกอหมักลูคัส บวกกับการมีอยู่ของสินค้ามายาวนาน ผู้บริโภคใช้กันตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย มาถึงรุ่นพ่อแม่ และรุ่นลูกจนถึงรุ่นหลาน
ทำให้เกิดการสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับลูกค้าหรือที่เรียกว่า Emotional Bonding ก่อนจะนำไปสู่ loyalty หรือความภักดีในสินค้าที่สุด
Customer Perception : ความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้า ความที่เป็นเจ้าเก่าดั้งเดิม เป็นผู้บุกตลาดรายแรก และมีการบอกต่อกันมาถึงคุณภาพของสินค้า
จึงทำให้ลูกค้าเชื่อถือในตัวสินค้า อีกทั้งครีมมะละกอหมักลูคัสเป็นสินค้าราคาสมเหตุสมผล แต่ด้วยคุณสมบัติแบบครอบจักรวาลจึงทำให้ลูกค้ามองเป็นของดี ราคาไม่แพง
ซื้อหลอดเดียวหรือกระปุกเดียวใช้ได้นานเป็นปีเลยทีเดียว
High Profile Presenters : โอกาส ดีเมื่อเหล่าเมกอัพอาร์ติสนำขี้ผึ้งมะละกอหมักลูคัสมาใช้ทาเพื่อให้ริมฝีปาก ชุ่มชื้น ขณะที่นิตยสารแฟชั่นและความงามก็มีบทความแนะนำ
และเรียกขานขี้ผึ้งลูคัสว่าลิ ปกลอส มีหรือคนอ่านจะไม่อยากทดลองใช้ ยิ่งได้คอลัมน์ “เปิดกระเป๋าถือคนดัง” ช่วยกระพือกระแสด้วยแล้ว ดาราฮอลลีวู้ดอย่าง เมอรีล สตรีป
หรือนางแบบดัง เคต มอสเองยังพกพาขี้ผึ้งลูคัส จึงเท่ากับสินค้าได้รับการประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่รับรู้ ในวงกว้างขึ้น ล่าสุดบริษัทได้ผลิตขี้ผึ้งลูคัสขนาด 12 กรัม
บรรจุในหลอดแบบลิปกลอสเพื่อสนองความต้องการของตลาด
Product Availability : การเข้าถึงสินค้าของผู้บริโภค นอกจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แล้ว ขี้ผึ้งลูคัสจำหน่ายแบบค้าส่งในไม่กี่ประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง
เนื่องจากมีข้อจำกัดที่สินค้าถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ยา จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานอาหารและยาของประเทศนั้นๆ ก่อน จึงจะส่งออกได้
กอปรกับกำลังการผลิตไม่ทันเนื่องจากวัตถุดิบซึ่งเป็นมะละกอพันธุ์สีเหลืองมี ไม่เพียงพอ บริษัทจึงไม่ได้รุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง
ทำให้ลูกค้าส่งอีเมลเข้ามาถามวันละไม่ต่ำกว่า 15 ฉบับว่าจะหาซื้อขี้ผึ้งลูคัสได้ที่ไหน อาจจะทำให้เสียโอกาสทางการตลาด แต่มองอีกแง่หนึ่งก็เข้าตำรา
“อะไรที่หามาได้ยาก มักมีคุณค่า” ทำให้ขี้ผึ้งมะละกอหมักถูกวางอยู่ในตำแหน่ง “ของดีหายาก” จะซื้อใช้เองก็ดี จะเป็นของฝากหรือก็ทรงคุณค่า
.jpg)
|